เคยนัดรวมตัวกันหลายครั้งหลายคราที่จะไปท่องโลกกว้างไปด้วยกัน
แต่ยังไง๊ ยังไงก็รวมกันกันไม่ได้สักที จู่ๆ วันหนึ่งพวกเราดันเกิดมีเวลาว่างช่วงเดียวกัน
เอาละสิ คราวนี้สิ่งที่หวัง
ที่ตั้งใจไว้ก็ประสบความสำเร็จสักที
จริงๆ แล้ว
พวกเราก็เที่ยวด้วยกันบ่อย แต่ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เรานัดรวมตัวกันจะไปเยี่ยมเยียนบ้านพี่เมืองน้อง
ประเทศลาว ซึ่งเราตกลงกันว่าเราจะเดินทางแบบ Back packer เมื่อรวบรวมสมาชิกได้
5 คนแล้ว (ไม่ครบองค์) กำหนดวันเดินทางทันที
พร้อมทั้งเมืองที่เราจะไปเยือนด้วย แต่กว่าจะลงตัวก็เล่นเอาเหนื่อย
เพราะต้องตัดเมืองบางเมืองออกไป เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องวันหยุดไม่พอ
เพื่อน 3 คนออกเดินทางจากเชียงใหม่
ส่วนเรากับเพื่อนอีกคนออกเดินทางจากมุกดาหารด้วยรถตู้ มุกดาหาร – อุดรธานี (เราไปทำธุระอยู่มุกดาหารพอดี)
หลังจากนั้นนัดเจอกันที่ สถานีผู้โดยสารอุดรธานี เมื่อทุกคนมาถึงที่นัดหมายซึ่งก็รีบหารถที่จะพาเราข้ามไปสู่นครหลวงเวียงจันทร์ทันที
เป็นรถอุดร – เวียงจันทร์ค่ะ (เพราะกลัวด่านปิด) เมื่อได้รถและซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว
ก็ขึ้นมาจับจองที่นั่งทันที เพราะเป็นรถเที่ยวสุดท้าย คนจะเยอะ ของจะเยอะ
หลังจากนั้นก็ถึงเวลารถออก ใช้เวลาจากสถานีขนส่งไปที่สะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่
1 (หนองคาย) เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น บอกเป็นข้อมูลนิดนึงนะคะ
จากอุดรไปสะพานมิตรภาพหนองคายนิดเดียวเองค่ะ เพียงไม่กี่สิบนาทีก็ถึงสะพานแล้ว
หลังจากถึงสะพานก็เข้าสู่กระบวนการตรวจพาสปอร์ต
เราต้องนำพาสปอร์ตไปยื่นพร้อมกรอกเอกสาร และเสียค่าข้ามแดนคนละ 20 บาท
จากนั้นเป็นอันเสร็จพิธี กลับขึ้นรถคันเดิม และเตรียมตัวตะลุยเวียงจันทร์
รถพาเราไปถึงเวียงจันทร์ราวๆ 17.20 น. ลักษณะบ้านเรือนก็คล้ายๆ
ของเรา แต่ต่างกันที่ตัวหนังสือ ซึ่งพวกเราต้องใช้เวิร์บทูเดากันทั้งทริป
เพราะบางคำเราไม่สามารถอ่าน หรือแปลได้จริงๆ
เมื่อลงรถกันเป็นที่เรียบร้อย
ก็หาสามล้อ (ศึกษาข้อมูลกันมาอย่างดี) ตกลงราคาเพื่อนำเราไปส่งที่พัก คืนนี้เราเลือกนอนโรงแรมใกล้ๆ
ริมน้ำโขง ซึ่งราคาอยู่ที่ 600 บาท
เพราะเรามีนัดที่รับประทานอาหารอร่อยที่ "ร้านโขงวิว" เป็นร้านอาหารบรรยากาศดีติดอยู่ริมน้ำโขง
มีลูกค้าเต็มร้าน แถมยังมีเพลงเพราะๆ ให้เราฟังอีกด้วย
จากนั้นก็ไปนอนพักผ่อนเอาแรง
เพื่อพรุ่งนี้เช้าเราจะได้ออกตะลุยนครหลวงเวียงจันทร์กันแต่เช้า
หลังเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว
เอากระเป๋าสัมภาระมาฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ ลงมารับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
เราก็เริ่มปฏิบัติการ ลุยสถานที่ท่องเที่ยวกันทันที เราใช้วิธีโบกรถตุ๊ก ตุ๊ก ไปที่สถานีขนส่งเหนือค่ะ
(คนละแห่งกับที่เมื่อคืนนะคะ) เพื่อไปจองตั๋ว ไปยืนเล็งป้ายอยู่นาน
เจ้าหน้าที่จึงตะโกนถามมาว่าจะไปไหน พร้อมเพรียงกันตอบไปว่า หลวงพระบางเจ้า
เค้าบอกว่า มีรถให้บริการ 3
ประเภท เป็นรถธรรมดา (รถนั่ง) มีทุกๆ ชั่วโมง กับรถวีไอพี (รถนอน) มีตอน
20.00 น. และแบบเอ็กเพรส (EXPRESS)มี 20.00
น. เช่นกัน พวกเราตกลงกันว่าจะไปรถนอน
เพราะอย่างน้อยเราก็ยังได้นอนเอาแรง รถนอนที่พวกเราจะโดยสารเป็นแบบเตียงใหญ่
คือสามารถนอนได้ 2 คน เค้าให้ผู้หญิงนอนกับผู้หญิง
ไม่ให้หญิงชายนอนรวมกัน ซึ่งก็ดีนะ ปลอดภัยดี และโชคดีที่เรามาหญิง 4 ชาย 1 พี่ผู้ชายจึงต้องไปนอนกับคนอื่น
เราซื้อตั๋วมาในราคา 150,000 กีบ หรือราว ๆ 650 บาทไทย จัดการเรื่องตั๋วเสร็จก็มองหาที่ฝากสัมภาระทันที แต่ไม่มีค่ะ
พี่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ใจดี บอกให้พวกเราเอาไปฝากไว้ให้ห้องทำงานเค้าก็ได้
จะรอช้าอยู่ไย ฝากสิคะ เวลาเที่ยวจะได้สบายๆ
จากนั้นก็เดินกลับมาหน้าขนส่งเพื่อหาตุ๊ก
ตุ๊ก ไปส่งเราที่ประตูชัยค่ะ ตอนเราไปถึงก็ แปดโมงกว่าๆ
แต่ก็เห็นมีนักท่องเที่ยวเดินเล่นอยู่ก่อนแล้วประปราย
เราจึงรีบฉวยโอกาสตอนที่คนยังไม่เยอะ และแสงยังไม่แรงเกินไป กระหน่ำรัวชัตเตอร์เก็บภาพสวยๆ
ทันที (555 สวยหรือเปล่าไม่รู้นะคะ) ใกล้ๆ กับประตูชัยมีอาคารสูงใหญ่ เค้าเขียนว่า
ห้องว่ากานลัดทะบาน เรากลับมาถามพี่กู (กูเกิ้ล) ว่าคืออะไร พี่กูบอกว่า
คือทำเนียบรัฐบาลนั่นเอง
ประตูชัย
ประตูชัย
ประตูชัย
ประตูชัย
ทำเนียบลัดทะบาน
พวกเราเดินเล่นแถวประตูชัยได้ไม่นาน คนก็เริ่มเยอะ
พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มมาขายของหนาตาขึ้น จึงพาตัวเองออกมาไปเดินเล่นที่อื่น
ถึงต้องนี้ เราใช้วิธีเดินได้แล้วค่ะ แม้อากาศจะร้อนไปหน่อย แต่พวกเราก็สู้ค่ะ
เพราะแถวนั้นมีวัดให้ไปเที่ยวหลายวัด เราจึงพากันเข้าซอยนั้น ซอยนี้ วัดนั้น
วัดนี้กันอย่างสนุกสนาน พอหิวเราก็หาของอร่อยๆ กินกัน
อย่างที่บอกว่าเราเที่ยวกันแบบ Back pack
ดังนั้นเรื่องอาหารการกินจึงสบายๆ เน้นง่าย แต่สะอาด
สรุปเมนูของพวกเราจบที่อาหารตามสั่งและส้มตำ หมดเงินกันไปคนละ 120 บาท (อาหารตามสั่งจานละ 60 – 80 ส้มตำจานละ 60
บาท) จากนั้นก็เดินหาร้านกาแฟ เพื่อพักแข้งพักขา และใช้ wifi
เราแวะไปใช้บริการร้านกาแฟน่ารักๆ แห่งหนึ่ง
ซึ่งต้องขอโทษที่เราจำชื่อร้านไม่ได้ แต่รสชาติกาแฟ เบอเกอรี่ ตลอดจนราคา
ถูกอกถูกใจพวกเราเลยทีเดียว เราใช้เวลาอยู่ที่นานราวๆ 2 ชั่วโมง
(เพราะเหนื่อย) หลังจากนั้นก็ชวนกันเดินไปที่ตลาดริมโขง ลักษณะจะคล้ายๆ
ตลาดนัดบ้านเรา เพราะขายทุกอย่าง เสื้อผ้า ของฝาก ของกิน
ชาวลาวนิยมมาเดินเล่นกันมาก
พวกเราพากันไปหยุดอยู่ที่ร้านส้มตำไก่ย่าง
เพราะตกลงกันแล้วว่ามื้อเย็นอยากกินอะไรที่รสชาติจัดจ้าน จึงสั่งส้มตำลาว ไก่ย่าง ข้าวเหนียว และห่อหมกมากิน จบมือเย็นไปอย่างอิ่มอร่อย
จากนั้นก็หารถให้กลับไปส่งพวกเราที่ขนส่งสายเหนือ ตอนไปถึงเป็นเวลา 6 โมงกว่าๆ
เข้าไปเอากระเป๋า พร้อมๆ กับไหว้ขอบคุณพี่เค้าอย่างงดงาม ยังไม่ได้เวลารถยังไม่ออก
ทำให้เราพอมีเวลาไปทำความสะอาดร่างกายก่อนขึ้นรถ เดินไปเข้าห้องน้ำ เสียเงิน 5
บาท อาบน้ำ แปรงฟัน เรียบร้อยกันทุกคน ก็ถึงเวลาขึ้นรถพอดี ก่อนขึ้นรถ
ถอดรองเท้าก่อนนะคะไม่ว่าใครจะใส่รองเท้าอะไรก็แล้วแต่ ทำตามกฎนะคะ เพราะรถเค้าปูพรม
เราต้องถอดรองเท้าใส่ถุงที่เค้าเตรียมให้ แล้วหิ้วติดตัวขึ้นไปด้วย พอรถออกก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว
แนะนำให้นอนหลับไปเลยค่ะ รถจะจอดหลายจุด มีทั้งจอดเข้าห้องน้ำ จอดกินข้าว ผู้โดยสารคนไหนอยากลงไปก็เชิญได้เลย
เค้าจอดราวๆ 10 นาทีเห็นจะได้
อาบน้ำเสร็จ พร้อมเดินทาง |
นี่เราพร้อมกันจริงหรือ |
ตั๋วพร้อม คนพร้อม |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น